RSS

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มาวัดความดังของนิยายกัน

     ช่วงหลังๆมานี้ผมเองก็ได้มีโอกาสเข้าไปในร้านหนังสือหลายต่อหลายครั้ง แน่นนอนว่าหนังสือเป็นแหล่งอาหารสมองไว้เพิ่มความรู้เพิ่มประสบการณ์ใช้ ชีวิต การเข้าร้านหนังสือก็เหมือนกันกับการเข้าไปเพิ่มเติ่มประสบการณ์ ด้วยการเข้าไปอ่านหนังสือหลายหลากที่อยู่ข้างใน เสร็จแล้วก็เดินออกมาด้วยความสบายใจกับความรู้แน่นพุง โดนที่ซื้อก็ไม่ได้ซื้อนะครับ เข้าไปแต่อ่านของเขาเฉยๆ เหอะๆๆๆ ถ้ามีคนอย่างผมมากๆ ร้านเขาอาจจะต้องกลายเป็นห้องสมุดประชาชนเข้าซัก วันหนึ่ง
     เอาละครับสิ่งหนึ่งที่ผ่านสายตาผมหลายครั้งเลยนั้นก็คือเรื่องของหนังสือนิยายครับ หมวดนั้นสือนิยายนี้ดูเหมือนจะมีหนังสือให้เลือกมากมายหลาย และแน่นอนว่ามันก็เป็นที่สนอกสนใจของ ประชาชน ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก (มีคนสนใจมากกว่าหนังสือเรียนละกัน) ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเข้าไปดูบ่อยๆ แล้ววันหนึ่งก็มีแนวความคิดนี้ขึ้นมาครับ
     ถ้าเรามามองที่ราคาของหนังสือนิยายแต่ละเล่ม แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เล่มเดียวกันมันก็ต้องไม่เท่ากัน สิ่งหนึ่งที่มันควรจะแปรผันด้วยนั้นก็คือจำนวนหน้าของหนังสือ และถ้าเราเอาทั้งสองอย่างนั้นมาคำนวณความสัมพันธ์กัน


     ให้ x เป็นจำนวนหน้าหนังสือ และ y คือราคาหนังสือนั้น แล้วก็เลือกข้อมูลเอาแต่หนังสือที่มีขนาดเท่าๆกัน มาเปรียบเทียบกัน และก็เอาตรงที่มีแหล่งคล้ายๆกัน ราคามันจะได้มีปัจจัยไปในทางเดียวกัน ที่ผมเลือกก็คือ นิยายแปลทางฝั่งตะวันตก เล่มขนาด A5   เอาแต่เรื่องดังๆ อันได้แก่ แฮร์รี่ พอตเตอร์ 7 ภาค ไทวไลน์ 4 ภาค 5 เล่ม (ภาคสุดท้ายแบ่งเป็นสองเล่ม) และ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน 5 ภาค

เมื่อได้ข้อมุลแล้วเราก็ลองมาใส่กราฟครับ


เราก็จะได้เห็นแนวโน้มข้อมูลว่าเพิ่มขึ้นแบบเป็นเส้นตรง
     แน่นอนว่าการตั้งราคาพวกนี้ก็คงไม่ได้ตั้งกันเล่นๆ ง่ายๆ เอาอะไรก็ได้ ราคาปกเป็นสิ่งที่ผ่านการไตรตรองพิจารณาจากข้อมูลมาแล้วเป็นอย่างดี ทีนี้เราลองมานึกภาพนะครับ ถ้าเราเป็นโรงพิมพ์ จะพิมพ์หนังสือมาขายซักเล่มหนึ่ง แล้วต้องการจะตั้งราคาปกหนังสือ เราก็ต้องคำนึงถึงหลายสิ่งด้วยกัน แน่นอนอย่างแรกนั้นก็คือต้นทุนการผลิต อันได้แต่ ค่ากระดาษ ค่าหมึก ค่าพิมพ์ ค่าพวกนี้ ก็ต้อมแปลผันตรงกับ จำนวนหน้าของหนังสือจริงมัย ต่อไปคือการขนส่ง เพราะถ้าขายกันที่โรงพิมพ์ก็คงไม่ค่อยมีใครเดินเข้ามาซื้อ จริงมัย แล้วก็ส่วนลด หรือเป็นกำไรให้ร้านหนังสือ ส่วนนี้ก็ดูจะแปรผันตรงกับจำนวนหน้าหนังสือทั้งนั้น อีกส่วนหนึงก็คือการพิมพ์ปก ซึ่งหนังสือแต่ละเล่มต่างกัน ส่วนกำไรจากโรงพิมพ์ และผลประโยชน์ให้นักเขียน พวกนี้ มันต้องเพิ่มขึ้นเองไม่ได้ขึ้นกับจำนวนหน้าหนังสือ
     สิ่งที่ผมจะทำก็คือการแยกสองส่วนที่ออกจากกัน นั้นคือส่วนต้นทุนที่แปรผันกับจำนวนหน้า และส่วนเก็งกำไรที่ไม่ได้ขึ้นกับจำนวนหน้า แล้วการเก็งกำไรนี้ก็ต้องมาจากการคิดเรื่องอุปสงค์ อุปทาน คือเมื่อสิ่นค้าราคามาขึ้น แสดงว่าความต้องการในการซึ้อมากขึ้น นั้นก็คือ มีคนต้องการมากกว่า หรือมันดังกว่านั้นเอง
วิธีการก็คือ สร้างเส้นตรง(f(x)=ax+b)จากจุดพวกนั้นครับ ด้วยวิธีการที่เรียกว่า Least Squat Method
จากการสร้างฟังก์ชัน Error จากเส้นตรงเส้นหนึ่ง โดยการเอาระยะทางจากเส้นไปยังจุดมายกกำลังสองและรวมกัน

และถ้าเส้นนี้จะดีมันก็จะต้องมีค่า E นี้น้อยที่สุดจริงมัยเอาก็เลยต้องเอามาดิฟฟฟฟฟ แล้วเอามาเท่ากับ 0

 
จัดรูปออกมาอีกนิดหน่อยเราก็จะได้ออกมาเป็นสมการที่หลายๆคนน่าจะรู้จัก เรียนกันตอนเด็กๆ
แก้สมการหา a,b เสร็จเราก็จะได้เส้นตรงประเมินข้อมูล ถือเป็นอันว่าเสร็จขันตอน

เอา a,b มาสร้างสร้างเป็นเส้นแนวโน้ม อย่างนี้
 

     ต่อไปเราก็ต่อไปก็สิ่งที่ผมทำก็คือ การเลื่อนเส้นนี้ลงมาให้ต่ำกว่ากว่าจุดทุกจุด แล้ววัดค่าความห่างระหว่างจุดกับเส้น  เราก็จะได้ดูกันว่านิยายเล่มไหน ที่สำนักพิมพ์ประเมินมาแล้วว่าดัง

มาดูผลกันเลยดีกว่า
 
อันดับที่ 1

  รุ่งอรุโณทัย หรือที่รู้จักกันในชื่อ Breaking dawn เล่มหนึ่ง และ เล่มสอง มาเป็นอันดับหนึ่งด้วยแรงสุดตัว แบบผิดคาดผมไปเลย เฉียดเอาชนะ Harry Potter ไปหวิดๆ

 
ตามมาด้วย

 
   Harry Potter and the Deathly Hallows หนังสือภาคสุดท้ายเป็นจุดจบของนิยายยาวเจ็ดเล่มที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ โดนแซงไปแล้ว เหมือนเป็นสัญญาณว่า Harry Potter กำลังจะเป็นเพียงประวัติศาสตร์ที่กำลังจะถูก อย่างอื่นนำหน้าไป



และต่อด้วยความแรงเช่นกัน นวจันทราหรือ New moon (ฟังชื่อไทยแล้วมันจั๊กกะจี้หูไงไม่รู้ ) ถ้าเป็นหนังก็ต้องบอกว่าแรกสุดๆ โดนการเกาะกระแสเพียบ ตามหลัง Deathly Hallows มาอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ






4.) คราสสยุมพร หรือ Eclipse (ไม่น่าแปลชื่อไทยเลยย)
5.) แรกรัตติกาล หรือ twilight (ภาคแรกยังไม่ค่อยมีใครรู้)
6.) Harry Potter And The Goblet of Fire
7.) Percy Jackson And The Lightning Thief (น้องใหม่มาแรงเช่นกัน)
8.) Percy Jackson & The Olympians : The Sea of Monsters
9.) Percy Jackson & The Olympians :The Last Olympian
10.) Percy Jackson & The Olympians :The Battle of the Labyrinth
11.) Percy Jackson & The Olympians :The Titan's Curse
12.) Harry Potter and the Half-Blood Prince
13.) Harry Potter and the Order of the Phoenix
14.) Harry Potter and the Chamber of Secrets
15.) Harry Potter and the Philosopher's Stone 

     อันนี้เป็นแค่การคำนวณง่าย และเป็นส่วนที่มาจากการตรวจวัดของสำนักพิมพ์ อย่าเก็บเอาไปคิดอะไรจริงจังเกินเหตุกันนักนะครับ เดี่ยวจะนอนไม่หลับ



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...

บทความที่ได้รับความนิยม