RSS

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันนี้คุณสะพายกระเป๋าหนักไปหรือป่าว (Schoolbag carriage)


      ชีวิตวัยรุ่นมันก็เหนื่อยเหมือนกันนะครับ สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาชีวิตมากเลยสำหรับตัวผมเอง และคิดว่าคงจะเป็นปัญหาของอีกหลายๆคนด้วยนั้นก็คือเรื่องของกระเป๋า กระเป๋าที่เราจะต้องใช้ใส่ของ สัมภาระไปเรียนทุกวั้น...ทุกวัน ในนั้นก็ต้องประกอบไปด้วย หนังสือ สมุด เครื่องเขียน และของจิปาถะมหาศาล


      น้ำหนักที่ควรของกระเป๋าที่ทุกคนแบกอยู่ทุกวันนี้ไม่ควรเกิน 10 % ของน้ำหนักตัว ถ้าใครเกลียดเรื่องตัวเลข เป็นโรคภูมิแพ้การคำนวณ ขั้นรุนแรง ชนิดที่เห็นแล้วอยากจะเป็นลม ผมขอแนะให้ใช้วิธีการเลื่อนจุดทศนิยมมาข้างหน้าหนึ่งตำแหน่ง เช่น ถ้าผมน้ำหนัก 62 กิโลกรัม ก็จะเป็น 62.0 => 6.20 กิโลกรัม(ใส่เลขนัยสำคัญให้ด้วย เดี๋ยวจะโดนอาจารย์แล็บฯหักคะแนนอีก)




จากงานวิจัยเรื่อง “Schoolbag carriage: design, adjustment, carriage duration and weight” จากประเทศ New Zealand 
ว่าไว้เกี่ยวกับเรื่องการใช้กระเป๋าของนักเรียนมัธยม (มัธยมบ้านเขาก็คงไม่ต่างกับพวกโตเต็มวัยบ้านเราเท่าไร ไม่รู้จะโตเร็วกันไปไหน) เป็นกระเป๋าแบบสะพายสองสาย และก็มีที่รัดบริเวณท้องเราด้วย

เริ่มแรกมาดูกันที่แรงสูงสุดที่เราต้องรับเมื่อแบกกระเป๋าเปรียบเทียบกันแต่ละแบบ เขาทำการทดลองโดยการติดเครื่องวัดไปที่กระเป๋าแล้วให้นักเรียนลองแบก หน่วยเป็น Newton นะ
น้ำหนัก 10% ของร่างกาย (5.3 kg)    Mean 38.0   SD 10.1
น้ำหนัก 15% ของร่างกาย (7.9 kg)    Mean 51.7   SD 9.6
มันแสดงให้เห็นว่าการเราสะพายกระเป๋าหนักๆนั้น ไหลเราไม่ได้รับแรงกระทำจากน้ำหนักทั้งหมดอย่างที่เราคิด มันจะหายไป 10 หรือ 20 นิวตันไปกับแรงเสียดทานและส่วนที่แผ่นหลังรับไป

การใส่สายรัดเอวของกระเป๋า  Mean 37.2   SD 10.6
และเมื่อไม่ใช้   Mean 52.5  SD 7.7
เห็นได้ชัดว่าการใช้สายรัดเอว แบ่งเบาภาระหน้าที่ของไหล่เราไปได้ถึง 20,30 นิวตัน

สายสะพายหลวมๆ    Mean 42.7   SD 14.1
สายสะพายแบบแน่น     Mean 47.1   SD 9.1
การปรับสายสะพายให้แน่นจะทำให้ กระเป๋าเราไม่สะบัด ส่ายไปส่ายมามากมาย แต่มันก็จะทำให้หัวไหล่ของเรารับภาระมากเพิ่มขึ้นไปเช่นกัน

การเดิน Mean 43.3   SD 11.4
การวิ่ง Mean 46.5   SD 12.5
ส่วนนี้คนไม่ค่อยได้คิดถึง นั้นคือการวิ่งแน่นอนว่าเราคงไม่สะพายกระเป๋าแล้วยืนอยู่เฉยๆ หรอกจริงมัยมันก็ต้องการแสดงท่าทางเดินวิ่ง และเมื่อยิ่งเราวิ่ง ร่างกายของเราก็จะต้องยิ่งรับภาระจากน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มขึ้นอีก

และเมื่อเราแบกกระเป๋าไปเป็นเวลา 20 นาที แน่นอนว่าจะต้องเกิดความเสียหายขึ้นตามส่วนต่างๆของร่างกาย ผมเลยทำแผนภาพแสดงระดับความเสียหายความเจ็บปวดจากงานวิจัยเขาให้มันดูง่ายขึ้นหน่อย สีนี้ผ่านการคำนวณจริง ไม่ได้ใส่กันเล่นนะครับ ถ้าสีแดงคือสูงมาก(สูงที่สุด) สีเขียวคือน้อยหรือแทบไม่เสียหายเลย

     เรื่องนี้สำคัญมาก โดยเฉพาะกับเด็กนักเรียนตัวน้อย พวกประถมหรือมัธยมต้น
เหตุจากเพราะการที่พวกเขามีน้ำหนักตัวน้อย ความสามารถของร่างกายยังน้อยอยู่ทำให้ ทำหนักกระเป๋าที่ควรใช้ มีขนาดต่างจากพวกเรามากตามไปเช่นกัน ผู้ปกครอกก็ควรระวังลูกหลานท่านให้ดีนะครับ
มีบางงานวิจัยสำรวจ แสดงให้เห็นว่าเด็กนักเรียนมีการใช้กระเป๋าที่หนักเกินกว่า ที่กำหนด บางอาจจะสูงเป็น 15 หรือ 20 เปอร์เซ็นของน้ำหนักตัวของร่างกายด้วย นั่นเป็นเพราะประเทศเราไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าที่ควร จึงเป็นหน้าที่ของเราๆ ต่อมาค่อยใส่ใจคนที่คุณรักกันเองนะ

     อีกหนึ่งประเด็นที่น่าจะใกล้ตัวเรามากขึ้นไปอีกนั้นก็คือเรื่อง คอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือ Laptop หริอ Notebook คอมพิวเตอร์ มันเป็นอีกตัวหนึ่งที่ดูจะเป็นปัญหาหนัก และเป็นภาระกับชีวิตเราจริงๆ ด้วยความจำเป็นของมันที่มาขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยน้ำหนักแล้วก็ดูจะต้องเป็นปัญหาแล้วละ
     โดยตัวเครื่องของมันเองแล้วมีน้ำหนักอยู่ที่ 2.4 - 4 กิโลกรัม (แล้วแต่รุ่น) แต่พอรวมน้ำหนักเขากับของอื่น เช่น สายชารจ์ไฟ กระเป๋า น้ำหนักมันก็จะขึ้นไปอีก
      แล้วก็จะมีคนบางประเภทครับ ที่เวลามีคอมพิวเตอร์แล้ว มันไม่พอใจ จะต้องมีประเภท อุปกรณ์เสริมต่างๆ อย่าง เมาส์(ประเภทใช้ Touch pad ไม่ถนัด)  Key Board (ประเภทของที่เขามีให้มันเล็กเกินไป มันกดตัวเลขไม่ถนัด มันกดไม่สะใจ) ลำโพง (ประเภทขาดเสียงดังๆไม่ได้) สายแลน (กลัวไม่มี Wireless ให้ใช้) หูฟัง (รักความเป็นส่วนตัว ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินว่าตัวเองฟังอะไรอยู่) ชุดอุปกรณ์ทำความสะอาด ผ้าเช็ดจอ แปรงปัดฝุ่น น้ำยาทำความสะอาด ชุดอุปกรณ์ขนถ่ายข้อมูล Hard disc, Flash Drive, คลัง CD, ชุดเครื่องเขียน ปากกา ดินสอ ไม้บรรทัด ฯลฯ
     นี้ยังไม่รวมของใช้ส่วนตัวอีกบางประการที่คนจะเอาใส่ไปอีก พอรวมหมดนั้นแล้วทั้งกระเป๋า ก็ปาไปหลายกิโลแล้วละครับ
ถ้าร่างกายของเราจะต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้ง!!!!หมดนั้น ก็คงจะแย่แน่ๆ แล้วไม่รู้ว่าเป็นอะไร ที่กระเป๋าแถมมักจะต้องมีสายเดียวตลอด
     การมีสายเดียวต่างจากการมีสองสายอย่างแน่นอนครับ อย่างน้อยที่สุดก็เรื่องพื้นที่การรับน้ำหนัก ยิ่งมีพื้นที่รับมาก น้ำหนักที่รับก็ต้องเฉลี่ยๆกันไป แต่การมีสายเดียวทำให้น้ำหนักตกไปอยู่กับพื้นที่ของร่างกายเพียงน้อยนิด
     ต่อให้น้ำหนักทั้งกระเป๋ามันอยู่ที่ 4-6 กิโลกรัม พอดีพอดีกับ 10% ที่ร่างกายพอจะรับได้แต่ เมื่อเทียบน้ำหนักไหล่ควรจะรับข้างละครึ่งนึงก็พอแล้ว ไม่ใช่เต็ม 4-6 กิโลกรัมอย่างนี้
      อีกส่วนหนึ่งก็คือสมดุลของน้ำหนักครับ เวลาเราถ่ายน้ำหนักไปที่ข้างใดข้างหนึ่ง ร่างกายเราก็ต้องออกแรงกับข้างนั้นมากขึ้น แล้วก็ดันเอาไหล ขึ้นใช่มัยครับสิ่งที่ควรระวังก็คือ ไหลคุณจะเอียงโดยไม่รู้ตัว
      ระวัง คอมพิวเตอร์จะกลายเป็นภัยร้าย ทำลายสุขภาพนะครับ

     ทั้งหมดที่กล่าวมาในข้างต้นก็เพื่ออยากให้ร่วมกันระวังเรื่องสุขภาพ เราหลีกเลี่ยงจะไม่ใช้กระเป๋ามันคงยากแต่ก็ต้องควรใช้อย่างระวัง ผลที่จะเกิดกับสุขภาพด้วยนะครับ


รักนะ จุ๊ฟๆ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...

บทความที่ได้รับความนิยม